ลิ้นจี่พันธุ์ "กุ้ยบี้" จากจีนปลูกได้ในไทย
ลิ้นจี่พันธุ์ "กุ้ยบี้" จากจีนปลูกได้ในไทย



การคัดเลือกสายพันธุ์ลิ้นจี่ที่จะปลูกในประเทศไทยในอนาคตจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน อาทิ จ.เชียงราย, เชียงใหม่ และ จ.พะเยา เป็นต้น ลิ้นจี่พันธุ์โฮงฮวยและพันธุ์จักรพรรดิ เป็นสายพันธุ์ที่มีเกษตรกรปลูกในเชิงพาณิชย์มากที่สุด แต่ลิ้นจี่ทั้ง 2 สายพันธุ์มีข้อด้อยตรงที่ผลมีเปลือกบาง ถึงแม้ว่าพันธุ์จักรพรรดิจะมีขนาดของผลใหญ่ก็ตาม แต่มีลักษณะฉ่ำน้ำ เป็นที่สังเกตว่าในเขตพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ มีความเหมาะสมที่จะปลูกลิ้นจี่เช่นกัน ที่ไร่ใน ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ของคุณบรรเจิด คุ้นวงศ์ ปลูกลิ้นจี่ในพื้นที่หลายร้อยไร่และปลูกมานานกว่า 30 ปี
คุณจุลพงษ์ คุ้นวงศ์ ผู้จัดการไร่ ได้แบ่งสายพันธุ์ลิ้นจี่ที่ปลูกในบ้านเราออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มที่มีเปลือกบาง ได้แก่ พันธุ์โฮงฮวย, พันธุ์โอวเฮียะ ฯลฯ และ กลุ่มที่มีเปลือกหนา ได้แก่ พันธุ์ป้าชิด, พันธุ์จูบิจี้, พันธุ์กุ้ยบี้ ฯลฯ ในอนาคตเกษตรกรควรจะคัดเลือกปลูกกลุ่มที่มีเปลือกหนา เนื่องจากจะวางขายในตลาดได้นาน
ที่ไร่แห่งนี้ยังมีลิ้นจี่พันธุ์ “กุ้ยบี้” ที่คุณบรรเจิดได้สายพันธุ์มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ปลูกมานานประมาณ 30 ปี ปัจจุบันยังมีต้นลิ้นจี่พันธุ์กุ้ยบี้ประมาณ 200-300 ต้น แต่ละ ต้นมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี ในแต่ละปีผลผลิตลิ้นจี่สายพันธุ์นี้จะมีการจองซื้อกันล่วงหน้าในราคาไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 150 บาท จัดเป็นผลไม้แปลกและหายากที่ “คนกินไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้กิน”
ลิ้นจี่พันธุ์ “กุ้ยบี้” จัดเป็นลิ้นจี่พันธุ์หนัก ผลผลิตจะแก่และเก็บเกี่ยวได้ในช่วงกลาง-ปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี ถึงแม้จะมีขนาดของผลเล็กแต่ลักษณะของผลเมื่อแก่มีสีแดงสดสวยสะดุดตามาก ที่ผลมีหนามแหลม เนื้อแห้งและรสชาติหวานกรอบ ความหวานเฉลี่ย 20 เปอร์เซ็นต์บริกซ์ ปัจจุบันที่นี่ได้นำเทคโนโลยีในการตัดแต่งกิ่งและควบคุมทรงพุ่มมาใช้ โดยจะทำการตัดแต่งอย่างหนักที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “heavy prunning” หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จและควบคุมทรงพุ่มของต้นลิ้นจี่ไม่ให้สูงใหญ่เกินไป มีผลทำให้ลิ้นจี่พันธุ์ “กุ้ยบี้” ออกดอกและติดผลได้ดียิ่งขึ้นในการขยายพื้นที่หรือ เปลี่ยนพันธุ์ลิ้นจี่ที่จะปลูกในเขตภาคเหนือตอนบน ในอนาคตพันธุ์ “กุ้ยบี้” จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เกษตรกรจะปลูกและผลิตขายตลาดบนที่มีกำลังซื้อ.
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 16 กรกฎาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น